Back
Featured image of post ประธานกฐินธรรมชัย เป็นได้ทุกคน

ประธานกฐินธรรมชัย เป็นได้ทุกคน

ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องเป็นประธานกองกฐินให้ได้

ประธานกฐินธรรมชัย เป็นได้ทุกคน

บทความโดย พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร

ภาพ การเดินอัญเชิญผ้าไตรของประธานกองกฐินธรรมชัย
ภาพ การเดินอัญเชิญผ้าไตรของประธานกองกฐินธรรมชัย

​ ในช่วงนี้ก็อยู่ในช่วงของเทศกาลกฐิน ซึ่งในครั้งก่อนๆ พระอาจารย์ก็ได้ยกความสำคัญของกฐินมาเล่าให้ฟังกันแล้วว่า บุญกฐินเป็นบุญที่มีความพิเศษจำเพาะเจาะจงอยู่หลายประการ เช่น วัดนั้นๆ จะต้องมีพระสงฆ์จำพรรษาอย่างน้อย 5 รูปขึ้นไป นั่นคือ ก็ไม่ใช่ทุกวัดที่จะมีการทอดกฐิน บุญกฐินนั้นยังต้องทำในช่วง 1 เดือนหลังจากออกพรรษาเท่านั้น กฐินนี้เป็นเรื่องของผ้าจีวร ซึ่งเป็นผ้าที่พระภิกษุสงฆ์ท่านใช้นุ่งห่ม และเป็นอัฐบริขารในการบำเพ็ญสมณธรรม ด้วยเหตุนี้บุญกฐินจึงเป็นบุญใหญ่ มีอานิสงส์มากมาย

​ และในช่วงก่อนเข้าพรรษา พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่ของเราท่านก็ได้ให้โอวาทเป็นวาทะสั้นๆ ถึงแก่ลูกพระธัมฯทุกท่านว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต…ทุกๆคนควรได้เป็นประธานกฐินที่วัดพระธรรมกาย” ดังนั้น ในวันนี้พระอาจารย์จึงมีเรื่องราวธรรมะดีๆ ในชื่อเรื่องว่า “ประธานกฐินธรรมชัย เป็นได้ทุกคน”

เหตุที่ทำให้มีบริวารมาก

​ มีพุทธพจน์บทหนึ่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ว่า

“บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้ทานด้วยตน, แต่ไม่ชักชวนผู้อื่นให้ทาน. เมื่อเขาไปเกิด ณ ที่ใด เขาย่อมได้โภคสมบัติ, แต่ไม่ได้บริวารสมบัติ

บางคนไม่ให้ทานด้วยตน. ชักชวนแต่ผู้อื่นให้ทำทาน. เมื่อเขาไปเกิด ณ ที่ใด เขาย่อมได้บริวารสมบัติ แต่ไม่ได้โภคสมบัติ

บางคนไม่ให้ทานด้วยตน และไม่ชักชวนผู้อื่นให้ทานด้วย. เมื่อเขาไปเกิด ณ ที่ใด เขาย่อมไม่ได้โภคสมบัติ และไม่ได้ทั้งบริวารสมบัติ เป็นคนยากจนเที่ยวกินเศษเดน

ส่วนผู้ที่ให้ทานด้วยตนเอง และชักชวนผู้อื่นให้ทานด้วย, เมื่อเขาไปเกิด ณ ที่ใด เขาย่อมได้ทั้งโภคสมบัติและบริวารสมบัติ”

ประธานกฐินธรรมชัย เป็นได้ทุกคน
ประธานกฐินธรรมชัย เป็นได้ทุกคน

​ จากพุทธพจน์นี้เราก็ทราบได้ว่า ถ้าเราทำทานด้วยตนเอง เราย่อมได้ทรัพย์สมบัติ และถ้าเราชักชวนผู้อื่นให้ทานด้วย เราย่อมได้บริวารสมบัติ ดังนั้นการเป็นประธานกองกฐินธรรมชัยได้นั้น ก็มีอยู่ 2 วิธี ง่ายๆ คือ

1.ทำด้วยตนเอง

​ และ 2.ชักชวนคนอื่นทำ

​ ในส่วนของการทำบุญด้วยตนนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก คือเพียงเราสละความตระหนี่ออกจากใจ แล้วนำทรัพย์ที่เรามีมาร่วมบุญกฐิน ซึ่งถ้าคนทั่วไปก็จะร่วมบุญตามกำลังศรัทธา แต่สำหรับท่านประธานกองกฐินธรรมชัยแล้ว ก็จำเป็นจะต้องทำตามจำนวนที่ทางวัดกำหนดไว้ ซึ่งมาถึงตรงนี้ถ้าใครที่มีปัจจัยพร้อม สามารถทำบุญกฐินเองได้ ก็เป็นโอกาสในการสร้างบุญใหญ่ที่จะติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ ก็สามารถทำบุญกฐินได้เลย

​ หากเรามีทรัพย์แล้วจิตอันเป็นกุศลเกิดแล้ว ก็ควรเร่งทำบุญ เพราะหากเราไม่นำทรัพย์นั้นมาทำบุญ ทรัพย์นั้นก็จะแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น และที่สำคัญคือ ถ้าเราทำบุญช้า เจตนาในการทำบุญของเราก็ลดน้อยลง เราก็จะได้บุญน้อยลงด้วย ดั่งเรื่องราวที่มีมาในสมัยพุทธกาล ณ กรุงสาวัตถี ในเรื่องของ “พราหมณ์เอกสาฎก” เรื่องก็มีอยู่ว่า

เอกสาฎก ผู้ชนะความตระหนี่

​ ในครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทรงแสดงธรรม มหาชนเป็นอันมากได้ชักชวนกันไปฟังธรรม เมื่อพราหมณ์เอกสาฎกได้สดับข่าวนั้นแล้ว เนื่องจากพราหมณ์นั้นมีผ้านุ่งอยู่ผืนเดียว นางพราหมณีก็มีผ้าเพียงผืนเดียวเหมือนกัน แต่ทั้งสองคนมีผ้าห่มคลุมอยู่ผืนเดียวเท่านั้น

​ ในวันนั้นทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะให้นางพราหมณีไปฟังธรรมในเวลากลางวัน ส่วนพราหมณ์เอกสาฎกจะไปฟังธรรมในเวลากลางคืนเพราะเนื่องจากทั้งสองมีผ้าห่มอยู่เพียงผืนเดียว จึงไม่สามารถออกไปพร้อมกันได้

​ เมื่อถึงเวลาเย็น ช่วงนั้น พระบรมศาสดาประทับนั่งบนธรรมาสน์ ตรัสพระธรรมกถา เมื่อพราหมณ์ก็ได้นั่งฟังธรรมอยู่ท้ายสุดของมหาชน ได้เกิดความปีติในพระธรรมเทศนานั้นแผ่ซาบซ่านไปทั่วร่างกาย

พราหมณ์เอกสาฎกนั่งฟังพระธรรมเทศนาอยู่ท้ายสุดของบริษัท
พราหมณ์เอกสาฎกนั่งฟังพระธรรมเทศนาอยู่ท้ายสุดของบริษัท

​ ในปฐมยามนั่นเอง พราหมณ์นั้นปรารถนาจะบูชาพระศาสดา จึงดึงผ้าห่มของตนออกมา ด้วยตั้งใจว่าจะถวายแด่พระศาสดา ขณะนั้น อกุศลจิตคือความตระหนี่พันดวงเกิดขึ้นในใจพราหมณ์นั้น พราหมณ์กลับคิดว่า

“ถ้าเราจักถวายผ้าสาฎกนี้, นางพราหมณีก็จักไม่มีผ้าห่ม เราก็จักไม่มีผ้าห่มเช่นกัน อย่าเลย เราอย่าถวายเลย”

​ จึงไม่ได้ถวายผ้าแด่พระศาสดา แต่ยังคงนั่งฟังธรรมอยู่นั้นเอง

​ ในขณะนั้น กุศลจิตที่ประกอบด้วยสัทธาดวงหนึ่งเกิดขึ้นอีก แต่อกุศลจิตคือความตระหนี่พันดวงก็เกิดขึ้นครอบงำกุศลจิตนั้นอีก ความตระหนี่อันมีกำลังมากกว่าของพราหมณ์นั้นคอยกีดกันสัทธาจิตไว้

​ เมื่อพราหมณ์นั้นกำลังคิดว่า “เราจะถวายดี หรือไม่ถวายดี”

​ มัชฌิมยาม ล่วงไปแล้ว แต่ถึงกระนั้นพราหมณ์ก็ไม่อาจจะถวายได้ เมื่อถึงปัจฉิมยาม พราหมณ์คิดว่า

“ถ้าเรายังประมาทอยู่ มีความตระหนี่อยู่ประมาณเท่านี้ เราก็ไม่อาจจะพ้นจากอบายภูมิทั้ง 4 ไปได้ เราจะถวายผ้าสาฎกผืนนี้”

​ ว่าแล้วก็สละความตระหนี่ออกจากใจ เดินถือผ้าสาฎกไปวางถวายไว้แทบพระบาทของพระบรมศาสดา ด้วยความปลื้มปีติใจ ทำให้พราหมณ์เปล่งเสียงดังขึ้น 3 ครั้งว่า

“เราชนะแล้ว เราชนะแล้ว ชิตังเม ชิตังเม”

พราหมณ์ถวายผ้าสากฎซึ่งตนมีเพียงผืนเดียว ด้วยความปีติใจจึงกล่าวคำว่า “ชิตังเม”
พราหมณ์ถวายผ้าสากฎซึ่งตนมีเพียงผืนเดียว ด้วยความปีติใจจึงกล่าวคำว่า “ชิตังเม”

​ พระเจ้าปเสนทิโกศลกำลังทรงฟังธรรม ได้สดับเสียงนั้นแล้ว จึงให้ราชบุรุษไปสอบถามดู พระราชาได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ทรงดำริว่า

“พราหมณ์ทำสิ่งที่บุคคลทำได้ยาก เราจักทำการสงเคราะห์แด่พราหมณ์นั้น” จึงรับสั่งให้พระราชทานผ้าสาฎก 1 คู่

​ พราหมณ์ก็ได้ถวายผ้าสาฎกนั้นแด่พระตถาคต พระราชาจึงรับสั่งให้พระราชทานมากขึ้นเป็นทวีคูณ คือ 2 คู่ 4 คู่ 8 คู่ 16 คู่ พราหมณ์ก็ได้ถวายผ้าเหล่านั้นแด่พระตถาคตอีก พระราชาจึงรับสั่งให้พระราชทานผ้าสาฎกอีก 32 คู่แก่เขา

​ ในครั้งนี้พราหมณ์จึงถือเอาผ้าสาฎก 2 คู่ และถวายผ้าสาฎก 30 คู่แด่พระตถาคต ฝ่ายพระราชาทอดพระเนตรเห็นดังนั้น จึงได้พระราชทานผ้ากัมพล 2 ผืนมูลค่าหนึ่งแสน และพระราชทานสิ่งของมีค่าอย่างละ 4 มีช้าง 4 ม้า 4 สตรี 4 ทาสี 4 บุรุษ 4 บ้านส่วย 4 ตำบล เป็นต้น

พราหมณ์เอกสาฎกได้รับพระราชทานสิ่งของมากมายอย่างละ 4
พราหมณ์เอกสาฎกได้รับพระราชทานสิ่งของมากมายอย่างละ 4

​ ความอัศจรรย์ได้บังเกิดแก่พราหมณ์นั้น เพียงชั่วครู่เดียวพราหมณ์ได้สมบัติมากมาย ทำให้ภิกษุทั้งหลายพากันสนทนากันในเรื่องนี้ พระศาสดาเสด็จมา จึงตรัสว่า

“ภิกษุทั้งหลาย ถ้าพราหมณ์นี้ได้ถวายผ้านั้นแก่เราในปฐมยามไซร้ เขาจะได้สิ่งของมีค่าอย่างละ 16, ถ้าเขาได้ถวายในมัชฌิมยาม เขาจักได้สิ่งของมีอย่างละ 8, แต่เพราะว่าพราหมณ์ถวายในเวลาจวนใกล้รุ่ง เขาจึงได้สิ่งของมีต่างๆ อย่างละ 4,

แท้จริง ถ้าบุคคลคิดจะทำบุญแล้ว ไม่ควรให้ความคิดนั้นเสื่อมไป ควรทำบุญในทันทีนั้นเอง, เพราะว่า บุญกุศลที่ทำช้า เมื่อบุญส่งผล ย่อมให้ให้สมบัติช้าเหมือนกัน เพราะฉะนั้น พึงทำบุญในขณะที่จิตอันเป็นกุศลนั้นเกิดขึ้นทันที”

​ เมื่อจบพระคาถามหาชนเป็นอันมากได้บรรลุธรรม มีพระโสดาบันเป็นต้น

​ จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า การจะทำบุญด้วยตนเองนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้กับกิเลสในใจ ก็คือความตระหนี่ของเราเองเช่นกัน เพราะว่าบุญกับบาปนั้นชิงช่วงกันอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ความคิดว่าเสียดาย กลัวว่าถ้าทำไปแล้วจะลำบาก

​ ความคิดเหล่านี้คือความคิดของฝ่ายบาปที่มาตัดรอนกำลังของฝ่ายกุศลในการทำบุญ นั่นคือ ทำให้เจตนาฝ่ายกุศลมีกำลังน้อยลง บุญที่ได้ก็น้อยลงไปด้วย ดังนั้น ถ้าหากคิดจะเป็นประธานกองกฐินธรรมชัยแล้ว ก็อย่ารอช้า รีบมาถวายกฐินก่อน โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันทอดกฐิน ทำบุญอย่างเร็วๆไวๆ ให้สมดั่งพุทธพจน์ที่ว่า

“บุคคลพึงรีบขวนขวายในการทำบุญ พึงห้ามจิตจากบาป เพราะว่าถ้าทำบุญช้าแล้ว ใจย่อมยินดีในบาป”

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนา

​ เพราะฉะนั้น อย่าประมาทว่าเรามีทรัพย์แล้วจะทำบุญเมื่อไรก็ได้ หากมีทรัพย์พร้อมแล้ว ควรรีบนำมาทำบุญ เพราะไม่รู้ว่าภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัคคีภัย โจรภัย อุบัติภัย ว่าจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อใด

​ และที่สำคัญคือต้องระวังว่า “จิตใจของเราเอง” จะมีอกุศลธรรมมาครอบงำเมื่อใด ซึ่งถึงตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้ทำบุญเลยก็เป็นได้ ซึ่งน่าเสียดายโอกาสเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเรารีบทำบุญเปลี่ยนทรัพย์หยาบให้เป็นอริยทรัพย์ภายในแล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่า เราก็ได้บุญอย่างเต็มที่แน่นอน และก็จะได้เป็นประธานกฐินธรรมชัยตามที่ได้ตั้งใจไว้

กฐินธรรมชัยชวนได้ทุกคน

​ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีความพร้อมทางด้านทรัพย์ ที่จะมาเป็นประธานกองกฐินธรรมชัย หรือมีความพร้อมในระดับที่ทำเองได้ แต่ยังไม่ถึงเป้าตามที่ตั้งไว้ ก็ยังมีวิธีที่สามารถเป็นประธานกองกฐินได้ ก็คือ ไปชักชวนบุคคลที่เรารักให้มาร่วมบุญกฐินธรรมชัยด้วยกัน

​ ซึ่งการจะชวนคนอื่นให้ทำบุญนั้น ก็ต้องใช้กำลังใจอย่างมากเลยทีเดียว เพราะถ้าถามว่า “ทำบุญเอง กับชวนคนอื่นทำบุญ อันไหนง่ายกว่ากัน?” ก็ตอบได้เลยว่า ทำเองง่ายกว่า นั่นคือการจะชวนคนทำบุญนั้นต้องสวมหัวใจยอดกัลยาณมิตรจริงๆ คือ มีความตั้งใจจะนำสิ่งดีๆ ไปให้กับคนที่เรารักอย่างแท้จริง

​ ดังเรื่องราวของพระอรหันต์รูปหนึ่ง เมื่อบุญส่งผล ได้ฟังคาถาเพียงบทเดียว ก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์พร้อมทั้งปฏิสัมภิทาทั้งหลายได้ เรียกว่าเป็น สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิญฺญา ก็คือ ปฏิบัติได้สะดวกและตรัสรู้ได้อย่างรวดเร็ว

​ นั่นก็คือเรื่องของ “สันตติมหาอำมาตย์” เป็นเพราะบุพกรรมที่ท่านได้เคยกระทำไว้ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี เรื่องราวก็มีอยู่ว่า

สันตติมหาอำมาตย์ ผู้ทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตร

​ ท่านบังเกิดเป็นเด็กหนุ่มในตระกูลสัมมาทิฏฐิในนครพันธุมดี เมื่อทราบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้วในโลก จึงอยากจะให้มหาชนได้รู้จักคุณของพระรัตนตรัย และได้สั่งสมบุญข้ามภพข้ามชาติ อยากจะให้มหาชนได้มาฟังธรรม จะได้มีพระรัตนตรัยภายในเป็นที่พึ่ง

​ คิดดังนั้นแล้วก็ออกจากบ้านด้วยเท้าเปล่า ไม่มีใครบอกให้ทำหรือบังคับแต่อย่างใด ได้เที่ยวชักชวนมหาชนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ให้ไปทำบุญกุศลกัน โดยได้ป่าวประกาศว่า

“พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกแล้ว ขอพวกท่านได้มาทำบุญกุศลกันเถิด จงสมาทานอุโบสถศีล ถวายทาน และหาโอกาสไปฟังธรรมกันเถิด รัตนะอย่างอื่นที่จะประเสริฐเหมือนกับพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ไม่มีอีกแล้ว ขอท่านทั้งหลายจงทำสักการบูชาพระรัตนตรัยกันเถิด”

มานพหนุ่มประกาศคุณของพระรัตนตรัย ชักชวนมหาชนให้มาฟังธรรมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มานพหนุ่มประกาศคุณของพระรัตนตรัย ชักชวนมหาชนให้มาฟังธรรมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

​ พระเจ้าพันธุมดี เมื่อสดับเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้น ก็รับสั่งให้เรียกมาเข้าเฝ้า ตรัสถามว่า “พ่อหนุ่ม เธอเที่ยวทำอะไรหรือ” เมื่อทรงทราบความทั้งหมด จึงพระราชทานม้าที่ฝึกแล้วอย่างดีเป็นยานพาหนะ

​ เด็กหนุ่มก็ได้ใช้ม้านั้นทำหน้าที่กัลยาณมิตรทุกวัน และยิ่งทำได้ไกลกว่าเดิมอีก พระราชาทราบว่าเด็กหนุ่มนี้ยังคงประกาศคุณของพระรัตนตรัยอยู่ จึงพระราชทานรถม้าให้เป็นพาหนะคู่ใจ ต่อมาก็ได้พระราชทานช้าง 1 เชือก และเสื้อผ้าอาภรณ์ทุกอย่าง จะได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรได้อย่างสะดวกสบาย

​ ผลแห่งการทำหน้าที่ชักชวนคนให้ทำความดีครั้งนั้น ทำให้มีมหาชนทั้งใกล้และไกลมากมายได้พบเส้นทางสายกลาง เมื่อเขาเหล่านั้นได้ทำทาน ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็บรรลุธรรมกันเป็นจำนวนมาก เขาได้ทำการป่าวร้องให้มหาชนเห็นคุณค่าของพระรัตนตรัยอยู่นานถึง 80,000 ปี เมื่อละโลกไปแล้ว ทำได้ไปสู่สุคติสวรรค์ มีวิมานใหญ่โตโอฬาร รัศมีกายสว่างไสว

​ และที่พิเศษคือ มีกลิ่นจันทน์ฟุ้งออกจากกายของท่าน กลิ่นอุบลฟุ้งออกจากปาก มีกลิ่นปากหอมทุกภพทุกชาติ เพราะผลบุญที่ได้ทำหน้าที่บอกข่าวอันเป็นสิริมงคล เพื่อให้ทุกคนมาฟังธรรม และเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในตัว ภพชาตินี้บังเกิดเป็นสันตติมหาอำมาตย์ ทำให้ท่านได้บรรลุธรรมหมดกิเลส เป็นพระอรหันต์ แทงตลอดในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างง่ายดาย

​ ท่านสาธุชนทั้งหลาย…. พระอรหันต์ในกาลก่อนได้อุทิศตนเพื่องานพระพุทธศาสนา ทำตนเป็นประดุจสะพานให้ผู้คนได้เดินข้ามไปพบกับแสงสว่างแห่งธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้เราได้ศึกษากันแล้ว เราเองในฐานะลูกพระธัมฯก็ต้องเดินตามแบบอย่างพระอรหันต์ในกาลก่อน โดยออกทำหน้าที่กัลยาณมิตร แจ้งข่าวชักชวนบุคคลอันเป็นที่รักของเรา ให้มาร่วมบุญกฐินธรรมชัย บุญกุศลใหญ่ก็จะเกิดกับเราอย่างมากมายเลยทีเดียว

บุคคล 3 ประเภท

​ เมื่อเราออกไปชวนคนทำบุญ ก็ย่อมพบกับปัญหาอุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา ตรงนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ท่านได้เคยเล่าไว้ในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ว่า เมื่อเราไปชวนคนทำบุญ เราจะเจอกับคน 3 ประเภทด้วยกัน ก็คือ

​ 1.อินทรีย์แก่กล้า ชวนแล้วทำบุญเลย

​ 2.อินทรีย์ปานกลาง ชวนทำบุญแล้วเฉยๆ

​ 3.อินทรีย์อ่อน คือ ชวนแล้วไม่ทำปฏิเสธและยังแถมคำพูดน่ารักๆ ให้เราฟังอีก

คุณครูไม่ใหญ่ โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
คุณครูไม่ใหญ่ โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

​ " ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะชวนใครสร้างบารมี ไม่ต้องเกรงใจ เราไม่ได้ชวนเขาไปดื่มเหล้า เจ้าชู้ เล่นการพนัน เพราะฉะนั้นชวนไปเลย ซึ่งก็จะเจอคน 3 ประเภท ที่อินทรีย์แก่กล้า พอบอกปั๊บ ทำทันที

​ ถ้าอินทรีย์ ปานกลาง พอได้ฟังแล้วขอคิดดูก่อน ส่วนที่อินทรีย์อ่อน ๆ ประเภทนี้ก็จะปฏิเสธพัลวัน ทำไมต้องชวนทำบุญบ่อย ๆ อย่างนี้อินทรีย์ยังอ่อนอยู่ ถูกความตระหนี่ได้ช่องครอบงำ แต่ก็ยังพอมีแสงสว่างเล็ดลอดผ่านให้ไปถึงเขาได้

​ วันนี้แม้เขายังไม่เข้าใจ แต่วันข้างหน้า สิ่งที่เราได้มอบให้เขา เมล็ดพืชที่เราเพาะไว้ในดวงใจเขา ที่ชวนเขาสร้างบารมีก็จะเจริญเติบโตขึ้น และวันนั้นเขาก็จะคิดได้

​ เพราะฉะนั้นเราไปทำหน้าที่ ไปชวนเขาเถิดประเสริฐนัก คนมีตั้งหลายพันล้านคน ชาตินี้เราจะชวนคนสร้างความดีได้สักล้านคนไหม เราต้องคิดว่า จะต้องชวนคนให้มาสร้างความดีให้ได้เป็นล้านคน เคยคิดอย่างนี้ไหม "

พระเทพญาณมหามุนี

๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

https://www.youtube.com/watch?v=i9ViXwuiiTk

​ เมื่อเราไปชวนคนทำบุญก็หลีกเลี่ยงกับคน 3 ประเภทนี้ไม่ได้ เมื่อเจอคนประเภทอินทรีย์ยังอ่อนอยู่ก็อย่าได้ท้อใจ ให้ถือว่าจะทำให้เราได้บุญบารมีเพิ่มเร็วขึ้น และสิ่งที่เราชวนไว้ในวันนี้ย่อมไม่สูญเปล่า เพราะเราได้เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความดีไว้ในใจของเราแล้ว ในวันหน้าหากเขาได้เข้าใจในเรื่องบุญกุศลมากขึ้น เขาก็จะคิดถึงเรา

​ การทำหน้าที่ผู้นำบุญยอดกัลยาณมิตร จึงมีความสำคัญต่อโลกเป็นอย่างมาก ยังมีผู้ที่ไม่ทราบข่าวการทำบุญกฐินธรรมชัยอีกเป็นจำนวนมาก ใครที่เป็นมนุษย์ ฟังภาษาคนรู้เรื่อง เราก็สามารถไปชวนเขาทำบุญได้ ยิ่งสมัยนี้เทคโนโลยีทันสมัย มีทั้งโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน คิดถึงใครตอนนี้ ยกหูชวนทำบุญก็ยังได้

​ และอย่าลืมหลักวิชชาทุกๆ ครั้งที่ทำหน้าที่กัลยาณมิตร อย่าลืมนั่งสมาธิทำใจให้ใส อธิษฐานจิต และทุกครั้งต้องปลื้มทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังจากทำไปแล้ว บุญจากการชวนคนทำบุญกฐินธรรมชัยครั้งนี้ เราก็จะได้บุญอย่างเต็มที่

อานิสงส์ของการชักชวนทำบุญกฐินธรรมชัย

​ 1.ย่อมได้เกิดในร่มเงาของพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย ในปฏิรูปเทส ที่แวดล้อมด้วยผู้มีศีลธรรม

​ 2.ย่อมมีครอบครัวดี เป็นครอบครัวแก้วครอบครัวธรรมกาย มีบริวารมากมาย บริวารเหล่านั้นก็เชื่อฟังตั้งอยู่ในโอวาท

​ 3.ย่อมเป็นที่รักที่เคารพที่นับถือที่เกรงใจของมหาชนและเทวดาทั้งหลาย เป็นผู้นำของมหาชนในการสร้างความดี มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธิ์มีเดช มีอานุภาพอย่างไม่มีประมาณ

​ 4.ย่อมเป็นผู้มีดวงปัญญาสว่างไสว ฉลาดทั้งทางโลก และทางธรรม ความทรงจำดี มีปฏิภาณว่องไว

​ 5.ย่อมมีทรัพย์สมบัติมากมาย อาชีพ หน้าที่การงาน รวมทั้งกิจการเป็นหลักฐานมั่นคงตลอดไป

​ 6.ย่อมแคล้วคลาดจากอัตรายทั้งหลาย ทั้งอัคคีภัย โจรภัย อุทกภัย ราชภัย และศัตรูหมู่พาลทั้งหลายไม่อาจมากล้ำกลายได้

​ 7.ย่อมมีร่างกายแข็งแรง สมส่วน สง่างาม ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ไม่ไข้ อายุขัยยืนยาวนาน

​ 8.เป็นผู้มีจิตใจอาญหาญร่าเริงในบุญ ละโลกไปแล้ว ย่อมไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์

​ 9.มีดวงตาเห็นธรรม ได้บรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย

อานิสงส์การชักชวนทำบุญกฐินธรรมชัย ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
อานิสงส์การชักชวนทำบุญกฐินธรรมชัย ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย

​ เมื่อทราบอานิสงส์ของการชวนคนทำบุญกฐินธรรมชัยเช่นนี้แล้ว ก็อย่ารีรอ เริ่มต้นด้วยตนเองก่อน คือทำบุญกฐินธรรมชัยเองก่อน แล้วก็เริ่มชักชวนทิศ 6 ของเรา ตั้งแต่ มารดาบิดา ครูบาอาจารย์ บุตร ธิดาสามี ภรรยา มิตรสหาย คนรับใช้ หรือบริวารต่างๆ ให้มาร่วมทำบุญกฐินธรรมชัยด้วย

​ พระอาจารย์มั่นใจว่าถ้าทุกๆ ท่านได้ทำตามที่ได้เล่ามาตั้งแต่ต้น คือทั้งทำบุญเองและชักชวนผู้อื่นทำบุญอย่างไม่ย่อท้อแล้ว เชื่อแน่ว่าทุกๆ ท่าน ก็สามารถเป็นประธานกองกฐินธรรมชัยได้สำเร็จอย่างแน่นอน สมดังชื่อเรื่องในวันนี้ว่า “ประธานกฐินธรรมชัย เป็นได้ทุกคน”

​ สำหรับวันนี้พระอาจารย์ก็ขออำนวยอวยพรให้ทุกๆ ท่าน จงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีดวงปัญญาสว่างไสว คิดสิ่งใดให้สมปรารถนา ปฏิบัติธรรมะได้เข้าถึงพระธรรมกายโดยง่ายโดยเร็วพลันทุกท่าน เทอญ

ขอให้เจริญในธรรม

พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโ

Built with Hugo
Theme Stack designed by Jimmy